วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำยำหัวปลี ตอน..1

ปกติแล้ว  หัวปลี  ชาวบ้านมักจะนำไปลวกหรือต้มจิ้มน้ำพริกหรือโดยทั่วไปที่เห็นๆกัน  ตามร้านอาหารตามสั่งและ   มักจะมีไว้สำหรับกินแกล้มกับผัดไทย....แต่วันนี้เรามีเมนูเด็ดๆ แปลกใหม่จะมานำเสนอให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง ขอบอกว่าอร่อยมาก เป็นอาหารพื้นบ้านทางแถบชายฝั่งตะวันออก เช่นเดียวกับแกงส้มสับปะรดนั่นหละ  แต่วันนี้ถึงคิวของหัวปลี หรือชาวบ้านแถบภาคพื้นภูธรตะวันออก  มักจะเรียกกันอย่างติดปากว่า ดอกกล้วย นั่นเอง ไม่ต้องร่ายยาวกันแล้ว อยากกินๆ เปรี๊ยวปากมาหลายเพลา อยากกินยำหัวปลีนี้มากมาย

ดอกกล้วยหรือหัวปลี


มาเริ่มตระเตรียมส่วนผสมกันดีกว่า

ส่วนประกอบของยำหัวปลีก้อมีหลายอย่าง คราวนี้เยอะหน่อย เต็มเครื่อง....


1.แน่ล่ะ....ก็ต้องหัวปลีสิ   จัดมาสักครึ่่งนึงผ่าซีกหัวปลีออกมา ทำทั้งหัวไม่ใหวกินไม่หมด ครึ่งซีกกินได้ประมาณ 3-6 คนเชียวนะ    แต่ถ้าบ้านใหนมีสมาชิกเกินสิบคน  แล้วกินหัวปลีเป็นทุกคน  เราก็จัดไปทั้งดอกเลย ...อิอิ  แต่ว่าถ้าบ้านใหนอยู่ด้วยกันไม่เกิน 3 คน  จะผ่าแบ่งเป็น สี่ส่วนแล้วทำส่วนเดียวก็ได้ ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องลดขนาดส่วนผสมกันเอาเองนะ  อันนี้จัดสำหรับหัวปลี ครึ่งซีก หรือครึ่งดอก สำหรับ 3-6 ท่านนะ


หัวปลีผ่าซีก


2.กะทิเอาแบบเป็นกล่องหรือว่าเป็นแบบคั้น ก็แล้วแต่ท่านตามสะดวกนะครับคุณโยม..


ส้มมะขาม


3.ถั่วลิสงคั่วสุกแล้ว

4.น้ำตาล น้ำปลา สำหรับปรุงรส

5.พริกแห้ง หอม  กระเทียม  กะปิ   แนะนำว่า กะปิแม่กลอง อร่อยสุด หอม นัว

6.น้ำส้มมะขาม

7.หมูรวนสุกแล้ว


มาเริ่มกรรมวิธีทำกันเลย  งวดนี้หลายขนานหน่อยเพราะว่าเครื่องเต็ม ของอร่อยต้องเครื่องเต็ม อิอิ

ตำพริกแกง


 อย่างแรก ต้องตำเครื่องยำหัวปลี กันก่อนโดยเอาพริกแห้ง หอม กระเทีียม กะปิ ใส่ครก โขลกให้ละเอียดโดย


ตำถั่ว

ค่อยๆ ตำทีละอย่างก้อได้   แล้วแต่สะดวกแบบใหน  เมื่อละเอียดหมดแล้ว ตำถั่วคั่วที่เตรียมไว้  ให้
ละเอียดอีกเช่นเดียวกัน หรือใครชอบถั่วกรุบๆๆ ไม่ละเอียดมาก  ก้อตำเม็ดถั่วแค่แตกก้อแล้วกัน...แต่การตำคั่วนี้  ถั่วจะตำง่ายกว่า้ชุดเครื่องแกงเยอะเลย.................




ยังไม่เสร๊จ....ต่อตอนหน้านะคับ

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำต้มกะทิฟักทอง


วันนี้เรามาทำอาหารที่มีรสชาติหวานๆๆทานกันบ้าง สลับกับอาหารคาวๆ นะคับ ต้มกะทิฟักทอง 

ฟักทองเป็นพืชที่ขึ้นง่าย ปลูกง่ายหาได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย  สามารถทำเป็นอาหารได้ทั้งหวานและคาว ผลแข็งเมื่อตอนดิบ  แต่ถ้าประกอบเป็นอาหารเมื่อไร เนื้อจะนุ่ม สีสันชวนให้น่ารับประทานจริงๆ  เหมาะแก่การหลอกล่อให้เด็กที่ไม่กินผัก ได้ลองหัดทานดู เนื่องจากสีสันสะดุดตา ...


ขอบคุณภาพจาก     www.weloveshopping.com
ฟักทองจัดว่า เป็นพืชที่มีกากใยสูง อุดมไปด้วยวิตามินเอ และช่วยบำรุงสายตา และมีกรดโปรไพโอนิคที่ช่วยยับยั้ง เซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ เนื้อยังมีแคโรทีนและแป้งด้วย 


ฟักทองหั่น



ส่วนประกอบในการทำไม่มากมาย  เราหาเอาได้อย่างง่ายๆ ในตลาดสดทั่วๆไป และตามซุปเปอร์มาร์เก๊ตทั่วไป



1.ฟักทองสิ เป็นพระเอกของตอนนี้ ซื้อมาสัก1 ชิ้นเอาแค่พอกินก้อพอนะ

2.กะทิ แน่อยู่แล้วเพราะชื่อตอนต้มกะทิก้อต้องมีกะทิ เป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

3.น้ำตาลทราย 

4.เกลือ สักนิดหน่อยเอาไว้ปรุงรส


ใส่กะทิต้มฟักทอง


เริ่มบรรเลงกันเลยดีกว่า

เอาฟักทองที่หั่นเป็นชิ้นเรียบร้อย ใส่หม้อใส่น้ำกะทิลงไป ตั้งไฟให้กะทิเดือด เติมน้ำตาลและเกลือ ปรุงให้ได้รสตามชอบ......เสร็จแล้ว .....งงละสิ...ง่ายมั๊ยล่ะ ใครๆๆก้อทำได้  เมนูนี้ทำง่ายกินง่าย อร่อย  มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ประหยัด ....คอนเฟริ์มมมมม...


ปล.ลืมบอกไปนิดเกลือกับน้ำตาลเวลาใส่ อย่าหนักมือไปนัก ใส่ เบาๆๆที่ละนิดไม่งั้นกินไม่ได้แน่ รสชาติโดดสูงปริ๊ดดดด  กันเลยทีเดียว





วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำถั่วฝักยาวผัดไข่...

ถั่วๆๆๆๆๆ....ใครได้กินถั่วแล้วสุขภาพดี  ถั่วฝักยาวมีประโยชน์มากมายใครได้กินแล้ว จะแข็งแรง เพราะมีวิตามินเอ ไทอามีน  ไรโบฟลาวิน เหล็ก ฟอสฟอรัส โปรตัสเซียม และอื่นๆๆอีกมากมาย สรรหาคำบรรยายได้อีกเยอะเลย  หากใครไม่ชอบกินก้อบอกได้อย่างเดียวว่า....ช่างน่าเสียดายซะจิงๆ เลย


ดอกถั่วฝักยาว....ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย


ส่วนประกอบไม่มากมายอย่างง่ายๆๆ

1.ถั่วฝักยาว สัก2 กำ
2.ใข่ไก่ 1-2 ฟอง
3.กะเทียมทุบ 2-3กลีบ


ผัดจนถั่วสุก


4. น้ำมันพืช ยี่ห้อใหนก็ได้
5.ซอสปรุงรสและซอสหอยนางรม
6.เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ตามชอบ

วิธีการอย่างสุดแสนจะง่าย  เริ่มๆๆๆ

ใส่ไข่ไก่ลงไป


อย่างแรก เราต้องหั่นถั่วฝักยาวให้ได้เป็นชิ้นๆพอดีคำ  ใส่จานไว้ ตั้งกะทะให้ไฟร้อน ใส่น้ำมันพืช เจียวกระเทียมที่เตรียมไว้พอหอม ใส่เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ ผัดจนสุก ใส่ถัวฝักยาวลงไป


พร้อมรับประทาน

 ผัดจนหอมใส่ใข่ไก่ 1 ฟองลงไปใครชอบใข่เยอะก็สองฟอง  เหยาะซอสหอยนางรม และซอสปรุงรสตามรสชาติที่ท่านชื่นชอบ...เมื่อเสร็จแล้วตักใส่จานได้ทานได้ทันที  กินกับข้าสวยร้อนๆๆ อร่อยอย่าบอกเพื่อนเลยทีเดียว..


วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำแกงคั่วเผ็ดกล้วยน้ำว้า

กล้วยๆๆ เรื่องกล้วยๆๆ บ้านใหนๆๆที่มีกล้วยน้ำว้า ไม่จำเป็นต้องรอกินสุก หรือ รอบวดกล้วยอีกต่อไปเพราะเราสามารถกินดิบๆๆได้ ไม่ได้หมายความว่ากินดิบๆ เดี๊ยวนั้นเลยนะ ความหมายคือ กินกล้วยดิบที่ผ่านกรรมวิธีทำให้สุกแล้วตะหาก เนื่องจากบ้านชาวบ้านส่วนใหญ่ที่มักจะมีเรือกสวน  ไร่นา  ก้อมักจะปลูกกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ไว้ตามหัวไร่ปลานา แล้วกว่ามันจะสุก เอามาบ่มรอกินสุก ก้อให้รออยู่หลายเพลา  อย่ากระนั้นเลย เรามาดูการกินกล้วยตอนที่มันแก่แต่ยังไม่สุก หรือยังไม่ห่ามกันเลยดีกว่า

กล้วยน้ำว้าดิบ

  วัตถุดิบเอาอย่างง่ายเลย

1. กล้วยน้ำว้าแก่ ดิบ เปลือกเขียว 10 ผล
2.หมูเนื้อแดง หรือ เนื้อสัตว์อื่นๆๆที่ท่านปรารถนาจะรับประทาน สัก1 ถ้วย หั่นเป็นชิ้นพอคำ

คั่วพริกแกงเผ็ด

3.เครื่องแกง หรือพริกแกงเผ็ด 1 ช้อนแกง
4.ผักกาดขาว หรือผักอะไรก้อได้ที่สามารถกินเป็นเครื่องเคียง


เริ่มกระบวนการ


ผัดกล้วยดิบ


เริ่มต้นด้วยการปอกกล้วยดิบ แล้วหั่นให้เป็นชิ้นๆ พอดีคำ  ใส่กะละมังแช่น้ำไว้ เดี๋ยวกล้วยจะดำไม่สวย เตรียมตั้งไฟ ใส่เครื่องแกงลงในกะทะ  ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยพอขลุกขลิก ผัดเครื่องแกงให้ได้กลิ่นหอม ใส่หมูหรือเนื้อสัตว์ลงไป ผัดให้สุก  จากนั้น ใส่กล้วยดิบที่หั่นเตรียมไว้ ลงไป  คนให้เข้ากันกับเครื่องแกง ผัดจนกล้วยสุก ทดสอบง่ายๆๆเอ้าช้อนส้อมจิ้มมา 1 ชิ้นลองชิมดู เนื้อกล้วยจะนิ่มออกกรุบๆกรับ เป็นอันใช้ได้ หรือหากอยากได้นิ่มกว่านั้นก้อผัดต่อไป

แกงคั่วเผ็ดกล้วยน้ำว้า


เมื่อสุกแล้วตักใส่จานพร้อมเสริฟ  กินกับเครื่่่่่องเคียงที่เตรียมไว้ ข้าวสวยร้อนๆๆ อร่อยอย่าบอกใคร

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำไข่นึ่งทรงเครื่อง...

เมนูอาหารอร่อยๆๆ วันนี้ เรายังต้องเอาใจคน อยู่ในเมืองเหมือนเดิม  เมนูง่ายๆๆ ทำสบายๆๆ ประหยัด

วัตถุดิบมีอยู่แล้วอยู่ในครัว ทุกครัวของคนไทย อย่างแน่นอน  รื้อๆๆ ค้นๆๆ  ก้นตู้เหมือนเดิม   ไข่ นั่นเอง

หาง่ายและ แน่ใจว่าทุกบ้านต้องมีติดไว้ อย่างแน่นอน  เอาละมาจัดการอาหารมื้อง่ายๆๆอย่างไว กันเลย

ดีกว่า...


ภาพจากwww.oknation.net
                                                   
1.ไข่ไก่สัก 4 ฟอง

2.หอมแดงซอยสัก 1ถ้วยน้ำจิ้ม

3.โคโคนัทมิ้ล..หรือ กะทินั่นเอง

4. ผักชี

5. ซอสปรุงรส


 ส่วนประกอบ อื่นๆๆ ถ้าท่านอยากจะใส่เพิ่ม เช่นขิงซอย  หรือผักเครื่องเคียงอื่นๆ  ใส่ได้ถ้าชอบ แต่ตอนนี้เน้นแบบง่ายๆๆ กินได้ภายใน 5 นาที


ใส่ผักชีด้วย
มาเริ่มกระบวนการเลยดีกว่า

อย่างแรกเลย ตีใข่ ใส่ซอสปรุงรส นิดน่อย  ใส่หอมซอยลงไป  ใส่น้ำกะทิอีกหน่อยเพิ่มความหอมนวล  แต่อย่าใส่เยอะมาก เอาแต่พอดี ไข่จะได้เละไม่เป็นตัว...ไม่อร่อย  ส่วนผสมทั้งหมด เมื่อใส่ลงไปหมดแล้ว  ให้คนๆๆให้เข้ากันดี แล้วตั้งไฟใส่หม้อนึ่ง ถ้าบ้านใหนไม่มีหม้อนึ่งแบบลังถึง ให้ใช้หม้อธรรมดาต้มน้ำ หรือถ้ามีแต่หม้อหุงข้าวไฟฟ้าก้อให้ใช้ได้ โดยหม้อหุงข้าวต้องเอาถ้วยชามที่เป็นกระเบื้อง ใส่ไข่กวนแล้วตั้งไฟต้ม โดยให้ถ้วยกระเบื้องลอยบนน้ำ แทนแก้ขัดได้  ...

ไข่นึ่งอย่างง่าย
 เมื่อใส่ไข่กวนลงในหม้อนึ่ง  ตั้งไฟจนร้อนน้ำเดือด แล้ว ไข่จะนวลสวย น่ากินขึ้นมาเลยที่เดียว ทำสำหรับเด็กที่กินอาหารยากๆๆจะดีมากเลยเมนูนี้  น้ำกะทิช่วยลดกลิ่นคาวของใข่ได้เป็นอย่างดี สีสวยขึ้นด้วย ชวนให้เด็กๆๆที่กินข้าวยาก อยากกินข้าวขึ้นมาเชียวหล่ะ..


เคล็ดลับ...... ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นแรงๆๆของ ผักชี อาจเปลี่ยนเป็นใส่อย่างอื่น หรือไม่ใส่ก้อได้ ตามชอบ

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำผัดบะหมี่ไวไวใส่กุ้งผักบุ้งหมู...

ช่วงนี้ต้องเอาใจคนเมืองที่หาเวลาไปจ่ายกับข้าวที่ตลาดยากกันหน่อย ยิ่งหน้าฝน ฝนก้อตกหนักเดินทางยิ่งลำบากๆๆด้วยแล้ว การเดินทางไปจ่ายตลาด ก้อยิ่งยากเข้าไปใหญ่ วันนี้เลย มาบริหารครัว ด้วยการคุ้ยๆๆ   ก้นตู้ว่ามีอะไรเก็บเป็นเสบียงเวลาตกยากอยู่บ้าง     และที่ทุกบ้านน่าจะมีติดครัวไว้สำหรับมื้อฉุกเฉินนั่นคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป   อาหารกึ่งสำเร็จรูปใช่ว่าจะมารังสรรค์ให้หรูเริ่ดไม่ได้    มาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรกันบ้าง

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป


1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อที่ท่านชอบ สัก2-3 ซอง
2.กระเทียมทุบสัก 4-5 กลีบ (ถ้าไม่ชอบก้อไม่ต้องใส่)
3.ผักบุ้ง  กุ้ง   หมู ใส่ทั้งหมด หรือแล้วแต่ท่านจะชอบ ตามสะดวกเลย

ผักบุ้ง


เริ่มกระบวนการทำลายความหิวกันเถอะ

ผัดเลยไม่ต้องลวกเส้น


อย่างแรกเลย เจียวกระเทียมทุบ ที่เตรียมไว้ ถ้าไม่ชอบกระเทียมก้อ   ใส่ผักบุ้งลงกะทะ เลย  สักพักพอผักบุ้งเริ่มสุก ใส่บะหมี่ลงไป  โดยไม่ต้องลวกน้ำ ใส่ทั้งก้อนแห้งๆๆจากซองเลย ใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย พอให้ขลุกขลิก ผัดง่ายขึ้น ใส่เครื่องปรุงของบะหมี่ตามไปด้วย....ใส่กุ้ง หมูหรือเนื้อสัตว์ตามชอบ  ผัดจนกุ้งหมู สุก   ตักใส่จาน หอม อร่อย พร้อมเสริฟ ถึงท้องที่ว่างๆๆ   รอรับประทาน

อร่อยนัว

 เป็นไงบ้างเมนูอร่อยอย่างง่าย  ทำสบายๆๆ ไม่เกินห้านาที ก้อเสร็จ อิ่มอร่อยได้ ไม่ต้องยุ่งยาก...



วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำต้มกระดูกอ่อนหมู

ต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู...

ขอย้ำนะครับว่าต้มกระดูกอ่อนหมู เพราะยังไม่ได้ลองทำ ต้มกระดูกอ่อนไก่... กุ้ง หรือหมึก แต่อย่างใด..

เมนูนี้ทำง่ายๆๆ  ง๊ายๆๆง่าย..ต้องย้ำอีกทีว่าง่ายจริงๆๆ

ส่วนประกอบ  อย่างง่ายเลย

1. เนื้อหมูตรงส่วนติดกระดูกอ่อน...หาได้ง่ายที่ตลาดบอกแม่ค้า เอากระดูกอ่อนหมู1 ขีด 2 ขีด ก็บอกว่าซื้อไป ตามปริมาณของคนกิน...หมูที่ว่าจะเอา แบบสับแล้วหรือว่าเป็นชิ้นก้อได้ แล้วเอามาสับเอง แต่ถ้าซื้อเป็นชิ้นได้จะดีกว่าเพราะแม่ต้าบางท่านชอบสับค้างคืนไม่สด...อันนี้ดูเป็นดุลยพินิจเป็นรายๆๆไป  ถ้าแม่ค้าเจ้าประจำ ก้อไว้ใจได้นะ...

หมูชิ้น


2.ผักชี ....ตัดรากแยกไว้ด้วย เอาไว้ใส่ตอนน้ำเดือด หลายรากได้ไม่ใช่ปัญหาเพราะยาสมุนไพรทั้งนั้น


รากผักชี


3.น้ำปลา  หรือซอสปรุงรส ยี่ห้อที่ท่านถูกใจ

4. พริกขี้หนูสด สัก 4-6 เม็ด ตามชอบ  ทุบให้แตกซะหน่อยก้อดี แต่ถ้าไม่ชอบก้อไม่ต้องทุบก็ได้ เอาตามสะดวก

5.น้ำเปล่า ... จริงๆๆนะ แล้วมันต้องใช้ ..จำเป็นด้วย...55

ผักชี


เิ่ริ่มปรุง  ....ติดไฟ ใส่น้ำ ลงไป ใส่รากผักชีลงไป ตั้งน้ำให้เดือด  ตามด้วย น้ำปลา ซอสปรุงเอาไว้ที่หลังก้อได้ ปรุงพอได้รสชาติตามชอบ  พอน้ำเดือดอีกรอบ กลิ่นน้ำซุปปรุงที่เราทำจะส่งกลิ่นหอมยั่วยวนขึ้นมาทันที...ตอนนี้แหละ ใส่กระดูกหมูอ่อนลงไป  รอจนหมูสุก ปิดแก๊ส  ใส่พริก  ใส่ผักชีลงไป แล้วตักใส่ในจานพร้อมเสริฟ....กินร้อนๆๆตอนป่วยๆๆ เป็นไข้หวัด ดีนักแล...

ต้มกระดูกหมู

เห็นมั๊ยทำง่ายนิดเดียว...ลองทำเลย..อย่าเดี๋ยว...เดี๋ยวมันจะไม่ได้กิน..

วิธีทำแกงกะทิสับปะรด....

แกงกะทิสับปะรด ..... กับข้าวพื้นบ้านตะวันออก...

สับปะรดใครว่ากินเล่นได้อย่างเดียว... ทำกับข้าวก้อได้ ...จริงรึ อ่ะจริงสิ....แน่นะ อ่ะ ก้อแน่สิ....555

สับปะรดของเราเนี่ย  เป็นพืชพื้นเมืองอเมริกาใต้ แต่ปลูกได้โดยทั่วไปในประเทศไทย  แต่ละภาคก้อเรียก

แตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค แต่ว่าใครจะเรียกอย่างไร ก้อกินได้เหมือนกันหมด


ขอบคุณภาพจากวิกิพิเดีย

มาเริ่มเลย  ส่วนประกอบอย่างแรก

1.แกงสับปะรด ก้อต้องมีสับปะรดเป็นตัวเอก   สับปะรด1ลูก ทำแกงกินได้ 3-4 คน

2.น้ำกะทิ แน่สิแน่นอน ก็แกงกะทินี่นา  ไม่ใช่แกงส้ม  ถ้าเอาสะดวกเป็นกะทิกล่อง  ก้อไม่มีปัญหาแต่อย่างใด


พริกแกงน้ำกะทิ

3.พริิกแกงเผ็ด หาซื้อได้ตามตลาดสดทั่วไป แต่ถ้าตำเองได้จะดีมาก เพราะพริกแกงตามตลาด รสชาติ

อาจไม่ละมุนลิ้น 55

4.เนื้อหมูสับหรือหั่นเป็นชิ้นๆ  หรืออาจจะเป็นกุ้งแห้ง หรือ เนื้อไก่  ก้อได้  สำหรับท่านที่ไม่กินหมู เอาเป็น

ว่าเนื้อสัตว์ ก้อเป็นใช้ได้ แต่ที่จะแนะนำคือหอยแมลงภู่ อยากจะบอกว่าอร่อยเด็ดอย่าบอกใคร...โปรด

ทราบขอบอก...

มาเริ่มปรุงกัน.... เอาสับปะรดที่ปอกเปลือกแล้ว เราสับให้ละเอียด ..หรือหยาบๆๆ ก็ได้แล้วแต่ชอบ  แต่เรา

พ่อครัวหัวเห็ดชอบแบบละเอียดๆ ...



สับปะรดสับละเอียด

จากนั้นเตรียมตั้งไฟใส่ กะทิ   ลงในหม้อเอาเครื่องแกงที่เรา เตรียมไว้แล้วสัก 1ช้อนแกง ต่อกะทิ1กล่อง หรือเอาตาม

ชอบ เผ็ดมากก็ใส่มาก ชอบเผ็ดน้อยก้อลดลงตามส่วนนะ แต่พริกแกงไม่ควรใส่เกิน1 ช้อนแกง...จะเผ็ด

มากไป....ไม่อร่อย..... รอจนน้ำกะทิเดือด  ใส่สับปะรดสับที่เตรียมไว้


แกงใส่เต้าหู้ด้วย

 จากนั้น ให้รอจนเดือดอีกรอบ  จากนั้น ประเคน หมู ไก่ หรือหมึก หรือกุ้ง หอย ที่ท่านเตรียมไว้ ลงไป รอจนสุก ตัก

ใส่จานกินกับข้าวสวยร้อนๆๆ โอ๊วววววววว...บร๊ะจ้าววววว..มันอร่อยมาก

เห็นมั๊ย..ฝีมือเราเอง ใครไม่เก่งงานครัวก้อทำได้ พ่อครัวหัวเห็ด ยืนยัน...

ภาพผลสับปะรดจาก  www.doae.go.th  กรมส่งเสริมการเกษตร

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำทอดมันปลาข้างเหลือง....

วันนี้เราจะมาทำอาหารพื้นบ้าน อย่างง่ายๆๆกัน นะคับ...

วันนี้เรากำลังจะมานำเสนอ...ทอดมันปลาข้างเหลือง.......เป็นอาหารพื้นบ้าน ทำง่ายใครๆๆก้อทำได้


ไม่ต้องอารัมภบทพูดมาก เริ่มหิวแล้ว...เราลุยกันเลยดีกว่า

ส่วนประกอบที่ต้องใช้...

1.ทอดมันปลาข้างเหลืองก้อต้องซื้อปลาข้างเหลืองสิคร๊าบบบบ ..555 เอาสัก 1 กก. หรือคนมากก้อเพิ่ม  ปริมาณตามสะดวก คนน้อยกินคนเดียว ก็สัก ครึ่ง กก. ก้อน่าจะพอ


2. พริกแกงเผ็ดเอาสักยี่สิบบาท หรือซื้อมากกว่านี้แล้วเหลือก้อเก็บไว้ใช้ได้


3. ใบมะกรูด เอาห้าบาทน่าจะพอ    เพราะใช้ไม่เยอะ ซื้อมาตุนไว้มันจะเหี่ยวไม่อร่อย  แต่ถ้าหลังบ้านใครมีต้นปลูกไว้เอง..ก้อสบายเก็บตามใจเลย เอาใบกลางนะ อย่าเอาอ่อนมาก


4.น้ำมันพืช ยี่ห้ออะไรก้อไม่เกี่ยง   ใช้ได้หมดขอแค่ใส่กะทะตั้งไฟแล้วมันร้อน ทอดใข่ ทอดปลาสุก
เป็นอันใช้ได้


อย่างแรก... ไปตลาดสด แล้วซื้อปลาข้างเหลืองมาสักประมาณ 1 กก. แล้วต้องทำไงต่อ  เราก้อล้างสิครับ  ล้างให้หายเหม็น คาวปลาสักหน่อย จากนั้น ตัดหางปลาออก



 เพื่อขูดเนื้อปลา  ขูดเสร็จแล้ว


เราก็เอาทุกส่วนผสม มาคลุกเคล้ากับเครื่องแกงที่เตรียมไว้


ใส่ใบมะกรูดที่ได้ หั่นซอยอย่างละเอียดดีแล้ว เอาลงไปด้วย


โดยใช้สากหรือไม้ตีพริก ตำเอาในครกเลย  หลังจากคลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้ว


เตรียมกะทะ ตั้งไฟให้ร้อน เอาไฟกลางอย่าแรงมากเดี๋ยวใหม้กันพอดี  หยิบเนื้อปลาที่คลุกเคล้าอย่างเข้ากันดีแล้วใส่กะทะลงไป  ทอดไปเรื่อยๆๆจนกว่าจะหมด เมื่อหมดแล้วก้อเป็นอันเสร็จ...กินได้ ทอดมัน หอมๆๆอร่อย เผ็ดมาก หรือ เผ็ดน้อยขึ้นนั้นอยู่กับเครื่องแกงที่เราใช้....และด้วยฝีมือเราเอง




ลองฝีมือด้วยตัวเองแล้วจะรู้ว่า อาหารพื้นบ้านไม่ยากอย่างที่คิด ใครๆๆก้อทำได้...