วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ผัดผักจับฉ่าย เมนูประยุกต์ ประหยัด

จั่วขึ้นหัวมาอย่างนี้ ก้อรู้กันทันทีว่าวันนี้เราจะทำอะไร ง่ายๆ   อีกเหมือนเดิม   เพราะถ้าไม่ง่ายไม่ใช่พ่อ
ครัวหัวนอก(บ้านนอก  อิอิ)  อย่างที่เกริ่นมาตั้งแต่ต้น ผัดผักรวมสารพัดครับ   เนื่องจากในยุคนี้พืชผัก
ราคาแพงมากขึ้น  จากยุคเศรษฐกิจที่ฝืดที่เคืองข้าวยากหมากแพง เราต้องประหยัด ซื้อผักมาอย่างละนิดละหน่อยก้อหมดเงินแล้ว บางทียังไม่ทันได้ทำกินอะไรเลย หมดตังค์ในกระเป๋า ซะงั้น  วันนี้เลยมีเมนูประยุกต์อย่างง่ายๆ    เวลาเราซื้ออาหารที่มีเครื่องเคียงเป็นผัก เช่น แหนม ย่าง ลูกชิ้น ใส้กรอก เค้าจะมีผักมาแกล้ม เรากินไม่หมด เอามาล้างให้สะอาด รวมๆกันก้อได้ผักหลายชนิดแล้ว  ประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีก หนึ่งมื้อ


ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

1. ผัก เช่น ผักบุ้ง แตงกวา ผักกาดขาว หั่นให้พอดีเป็นชิ้นๆพอคำ ใส่จานแบ่งไว้

2. เนื้อสัตว์ เช่น หมูหรือไก่

3. กระเทียมทุบพอแตก  น้ำปลา น้ำตาล  ซีอิ้วขาว ซอสหอยนางรม



ผัดผักจับฉ่าย


มาเริ่มบรรเลงเพลงตะหลิวกันเลย  อย่างแรกใส่น้ำมันตั้งไฟ เจียวกระเทียมที่เตรียมไว้  จากนั้น ใส่เนื้อสัตว์ หมู หรือเนื้อไก่ ผัดจนหมูหรือไก่ สุก  ใส่ผักที่หั่นเตรียมไว้  ใส่น้ำปลา จากนั้นปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว  หรือหากใครชอบซอสหอยนางรมก็ใช้ปรุงได้ ชอบหวานก็เติมน้ำตาลลงไป   รสแบบใหนลองปรุง แล้วชิมได้ตามชอบ  ผัดคลุกเคล้าให้ทั่วกัน เมื่อสุกดีแล้วตักใส่จาน ทานได้ทันที พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใครเลย

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีทำแกงส้มถั่วฝักยาว

อันว่าถั่วฝักยาวนั้น มีคุณค่าทางอาหารมากมาย ดังได้กล่าวไปแล้วนั้นในเรื่องผัดถั่วฝักยาว วันนี้ถั่วฝักยาวยังสามารถนำมาประกอบอาหารอื่นๆๆได้อีก หนึ่งในนั้นคือ แกงส้ม หลายๆท่านอาจจะไม่เคยเห็นแต่วันนี้ ได้เห็นและได้ทำด้วยตัวเองแล้ว เชิญมาพิสูจน์ฝีมือด้วยตัวของท่านเองเถิด

วันนี้เรามาเริ่มต้น ลงมือทำแกงส้มถั่วฝักยาวกัน ดีกว่า

ส่วนประกอบ

1. แกงส้มถั่วฝักยาวก้อต้องมีถั่วฝักยาวนะ เอาสัก 1 กำ10 บาทน่าจะพอ

2.พริกแกงส้ม 1/2 ช้อนแกง


ผักบุ้ง


3.ผักบุ้ง มากน้อยตามชอบ


ส้มมะขาม



4.เนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์ที่ชื่นชอบ เช่นปลา

5.ซอสปรุงรส   น้ำปลา

6.ส้มมะขาม 1 ถ้วย


เติมพริกแกงส้ม






เริ่มทำกันเถอะ  ขั้นตอนแรก เราเอาพริกแกงส้ม ละลายในน้ำส้มมะขาม ตั้งไฟให้เดือด หลังจากนั้น



แกงส้มถั่วฝักยาว


ใส่เนื้อหมู พอเนื้อหมูสุกได้ที่  จากนั้นใส่ตามด้วย ถั่วฝักยาว  แล้วผ่อนไฟให้อ่อนลง ใส่ผักบุ้ง ลงไป  ชิมรสชาติ เติมซอสปรุงรสหรือน้ำปลา รสชาติเอาตามใจชอบ  เมื่อได้รสชาติตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน


วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีทำกล้วยบวชชีอย่างง่ายๆ

อันว่ากล้วย แล้วชื่อชั้นนั้นเป็นพืชที่ทุกบ้านในชนบทนั้นต้องมี อยู่หลังบ้าน อย่างน้อยหนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กล้วย น้ำว้า กล้วยหอม กล้วยหักมุก กล้วยตานี หรือแม้แต่ในย่านชานเมืองที่มีบ้านจัดสรร รุกคืบเข้าไปในชนบท มักจะปลูกกล้วยบัวชมพูซึ่งเป็นกล้วยประดับ หรือกล้วยพัด ก้อเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง  แต่วันนี้เราจะมาทำกล้วย ที่เป็นของกินเล่นกัน เป็นของหวาน นั่นคือกล้วยบวชชีนั่นเอง

เราไปดูกันเลยดีกว่า นะครับ ว่าเราต้องเตรียมอะไรมั่ง

1.กล้วยน้ำว้า ห่ามๆ หรืองอมแล้วก้อได้แต่อย่างอมมากเดี๋ยวมันจะเละ  1 หวี


กล้วยน้ำว้าดิบ



2. กะทิ 1 กล่อง หรือถ้าเป็นกะทิคั้นเองได้ก้อจะสดกว่า

3.น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลทรายแดง ถ้าเป็นน้ำตาลปี๊บจะได้รสชาติและกลิ่นที่หอมหวานกว่า

4. เกลือป่นหรือเกลือเม็ดก็ได้ ตามสะดวก


มาเริ่มทำกันเลย....ตั้งไฟ ใส่กะทิ  ให้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆคน อย่ารอจนกะทิแตกมัน  (ท่านอาจารย์สอนว่า กะทิแตกมันเมื่อไร เลี่ยนครับ กินไม่อร่อย)  เอากล้วยน้ำว้าที่หั่นเป็นชิ้นๆแล้ว  ใส่ลงไป ถ้ากล้วย




กล้วยบวชชี



งอมมากก้อไม่ต้องรอจนเดือด สามารถใส่น้ำตาลปี๊บได้เลย แต่ถ้ากล้วยห่ามหน่อย ก้อรอให้กล้วยกับน้ำกะทิเข้ากันจนนิ่มเสียก่อนแล้วค่อยๆ  ใส่น้ำตาลปี๊บ ใส่เอาตามใจชอบเลย ใส่มากหวานมาก ใส่น้อยหวานน้อย เอาตามสะดวก ใส่เกลือตัดรสชาติหยิบมือนึง ไม่ต้องเยอะ เดี๋ยวเสียรส  จากนั้นชิมให้ได้รสชาติตามที่ต้องการ  ตักใส่จานให้ลูกหลานกินเล่น ....


เป็นอย่างไรล่ะครับกล้วยบวชชี ที่น่าอร่อย  ทำง่ายนิดเดียวเอง


วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีทำข้าวผัดทรงเครื่อง

ทุกวันนี้จะกินอะไรก้อต้องประหยัด รัดเข็มขัดกันท้องกิ่ว ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องระมัดระวังค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ตัดอะไรที่ไม่จำเป็นตัดให้หมด กับข้าวกับปลาที่บ้านทำไว้กินยังไม่หมด อุ่นเก็บไว้กินมื้อต่อไปได้ วันนี้ก้อเช่นกัน  ข้าวเปล่าหรือข้าวสวยที่เรา หุงกินแล้ว มักจะเหลือกิน.....ทิ้งไปก้อเสียดาย แม่โพสพ จะว่าเอาได้ว่าเรากินทิ้งกินขว้าง อย่ากระนั้นเลย เรา เอาข้าวเปล่าที่เรากินไม่หมด มาทำเป็นข้าวผัดแสนเอร็ด อร่อยดีกว่า.....

มาดูกันว่าเราจะใช้ส่วนประกอบอะไรบ้าง


1.ข้าวเปล่าที่เหลือจากมื้อเช้า

หอมแดงซอย


2.หอมแดงซอย สัก 4 หัว  และรากผักชี หั่นฝอย

มะเขือเทศผ่าสี่


3.ไข่ไ่ก่ 1 ฟอง

4.มะเขือเทศหั่น 4 เสี้ยว

5.ต้นหอม ผักชี  สัก 1 กำ

ต้นหอม ผักชี 


6.เนื้อหมูหรือเนื้อสัตว์ ตามชอบ ควรรวนหมูให้สุกก่อนนำมาผัด

7.ซอสปรุงรส หรือซอสหอยนางรม 




วิธีการ ผัดกันนัวๆอย่างไว  เริ่มจากตั้งกะทะให้ร้อนใส่น้ำมันพืช   เจียวหอมแดง และต้นหอม  จากนั้นตอกไข่ใส่ลงไป

ผัดเครื่อง ผัดไข่


ในกะทะ  กวนไข่ผัดให้เข้ากับหอมแดง ใส่หมูหรือเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้   ผัดคั่วเนื้อหมูสักนิด.... จากนั้นใส่ข้าว


ใส่หอมแดงซอย

สวยที่เราเตรียมไว้ลงไป  ผัดพอข้าวสวยร้อน ใส่หอมแดงซอยที่เหลือลงไปให้หมด  จากนั้นใส่มะเขือ

เทศหั่นผ่าซีก ที่เราได้เตรียมไว้


ใส่มะเขือเทศ

    ผัดให้เข้ากันสักหน่อยจากนั้นต่อด้วยต้นหอมผักชีที่เหลือในตอนแรก ทั้งหมดนี้ ผัดให้เข้ากัน  ใส่ซอสปรุงรส ปรุงให้ได้

เสร็จ สุก พร้อมเสริฟ

ตามใจชอบ  อร่อยๆ แล้วก้อ อร่อยนัวๆ กับข้าวผัดเครื่องเต็มฝีมือเราเอง  อิ่มด้วยภูมิใจด้วย..

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีทำแกงกะทิหน่อสับปะรด

 คราวก่อน ตอนที่แล้ว เรานำเสนอแกงกะทิเนื้อ สับปะรดไปแล้ว วันนี้เราจะมาทำ หน่อกันบ้าง หน่อหรือจุกสับปะรดเป็นส่วนการขยายพันธ์เหมือนกัน แต่กำเนิดจากคนละที่แค่นั้นเอง คือ หน่อ จะแยกมาจากลำต้นของต้นเก่า คล้ายๆ  ตะไคร้ ส่วน จุก คืออยู่บนหัว ของผลสับปะรดที่ทุกท่านเคยเห็นเวลาไปซื้อสับปะรดที่ห้างนั่นแหละ คือจุกสับปะรด ส่วนหน่อนั้นส่วนมากถ้าไม่ใช่ชาวไร่หรือเกษตรกร มักจะไม่ค่อยได้เห็น หน่อ สับปะรดนั้น มักจะรูปร่างเรียวยาวกว่าจุก เพราะต้องเร่งการเจริญเติบโตนั่นเอง  จึงทำให้มี ลักษณะเรียว แต่ จุกนั้นอาศัยเนื้อและน้ำจากผลสับปะรดเป็นตัวเจริญเติบโต  หากเอาผลสับปะรดที่มีจุกไปวางทิ้งไว้ นานนับเดือน บางทีเกินครึ่งปี จุกนั้นก้อยังสดใหม่  สามารถ เจริญเติบโตหรือเกิดได้  เรียกว่า ตายยาก ตายลำบาก กันเลยครับ.......

เรามาดูส่วนอาหารของเราบ้าง  ที่ว่ามหัศจรรย์ของชาวบ้านคือ สับปะรดนั้นกินได้ทั้งต้น ทุกท่านคงเห็นแล้ว ใช่ว่าจะกินได้แต่ผลเท่านั้น  ตั้งแต่รากจรดยอดเลยทีเดียวสับปะรดเนี่ย..


จุกสับปะรด



ส่วนประกอบ...

1. หน่อหรือจุกสับปะรด 5-6 หน่อ

2. กะทิ  1 กล่อง


จุกสับปะรดที่พร้อมปรุง


3.เครื่องแกงหรือ พริกแกงเผ็ด

4.เนื้อสัตว์ตามชอบ เช่นหมู หรือ ไก่

5. ซอสปรุงรสต่างๆๆ


มาเริ่มกระบวนการปรุงกันเถอะ....


หั่นซอบบางๆๆ


เริ่มแรกเราก็ ต้องเอาจุกสับปะรด มาหั่นใบเลี้ยงด้านข้าง ออกให้หมดเหลือแต่แกนกลาง หั่นๆ ซอยๆๆให้เป็นชิ้นเล็กๆ

แช่น้ำไว้ก่อน  จากนั้นตั้งไฟ ใส่น้ำกะทิ ใส่พริกแกงเผ็ดลงไป คนให้พริกแกง ละลายเข้ากับน้ำกะทิ  จาก

นั้น รอให้น้ำกะทิเดือด  เอาเนื้อสัตว์ที่ต้องการใส่ลงไปก่อน แล้วจึงตามด้วย สับปะรดที่เราหั่นเตรียมไว้ ใส่ตามลงไป


ใส่หม้อพร้อมเดือด

ปรุงรสด้วย น้ำปลา หรือซอสปรุงรสต่างๆ ปรุงตามรสชาติที่เราต้องการ เปรี๊ยวหวาน มัน เค็ม เผ็ด เอา

ตามแต่รสชาติที่ทุกท่านชอบเลย ....

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีทำเครื่องแกง พริกแกง ต้นเรื่องของความอร่อย

วันนี้เรามาทำการ  ขัดตาทัพกันหน่อย ไม่ได้ทำกับข้าวหรอกนะครับ

พูดถึงกับข้าว ส่วนใหญ่แล้วกับข้าวที่ถูกพูดถึงมักจะมีเครื่องแกงมาผสมเป็นส่วนประกอบสำคัญอยู่ด้วยเสมอๆ เพราะเนื่องด้วยเป็นต้นเรื่องแห่งของอร่อยนั่นเอง  แม่ครัวทุกคนรู้ดีว่าถ้าทำอาหารคาว ถ้าไม่มีเครื่องแกงไปอย่างเดียว ทำกับข้าวมากมายหลายอย่างไม่ได้เลยทีเดียว สำหรับอาหารตำรับไทยนั้น เครื่องแกงเปรียบเสมือนเครื่องชูรส หลักและเป็นส่วนประกอบที่ต้องมีประจำครัวทุกครัวก็ว่าได้

ดังนั้นวันนี้ที่จะเขียนเรื่องเครื่องแกง ก้อจะเป็นสูตรเครื่องแกงโดยเฉพาะ เอาไว้ตำทำกินเองที่บ้าน ไม่ต้องง้อเครื่องแกงตลาด รสชาติเป็นไปตามใจคนปรุงอาหารเลยครับ

ส่วนประกอบของพริกแกง ตำได้ 1 ครกใหญ่ๆ

เครื่องแกงเผ็ด

1.ลูกกระวาน   1  เม็ด

2.กานพลู     เอาสัก 2-3ใบ

3.ลูกกำจัด     5-6 เม็ด

4.ผิวมะกรูด    เอาผิวนะครับ ทั้งลูก 1 ลูก



ใบกานพลู



5.หอม  กระเทียม  เอาทั้งหัว อย่างละ 1 หัว

6.กะปิ   ประมาณ 2 ช้อนแกง

7.ขิงแห้ง     2  หัว

8.ไพล      1 ข้อ

9.ข่า         2 หัว

10.ตะไคร้     ต้นอวบๆ ประมาณ 5-6 ต้น

11.พริกแห้ง     1  ขีด





ลูกกำจัดและขิงแห้ง

วิธีทำ ก้อคือ เตรียมครกครับ แล้วเรา ก็ตำ ๆๆ จบมะ ... อิอิ  ง่ายๆๆครับ ใส่ส่วนประกอบทั้งหมดที่เตรียมไว้...ใส่ลงไปที่ละอย่างๆๆ แล้วตำให้ละเอียดแค่นั้นเอง ดูเหมือนจะง่ายไปรึเปล่า...แต่โดยส่วนมาก ถ้าใช้ตำครก แม่ครัวพ่อครัว มักจะตำที่ยากก่อนเช่น พริกแห้ง เพราะมันแห้งไงเลยตำยาก แต่ตะไคร้ ผิวมะกรูด ....อย่างอื่นๆๆ  ตำง่ายก็ ใส่ทีหลังครับ..

วิธีทำยำหัวปลี ตอน..2


เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้ว เอากะทิมาใส่หม้อ  เอาเครื่องแกงที่ตำเสร็จแล้ว ใส่ลงไป

ด้วย แล้วเอาทัพพีคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว...ใส่ถั่วคั่วที่ตำละเอียดแล้วลงไป  จากนั้นใส่ส้ม


มะขามที่


หัวปลีผ่าครึ่งซีก

เตรียมไว้ ลงไป อีก  คนให้เข้ากันอีกรอบ ย้ำนะคับว่าต้องคนทุกครั้งที่ใส่เครื่องปรุงส่วนผสม

ลงไป เคล็ดลับนิดหน่อยถ้าช่วยให้ชูรสให้เพิ่มขึ้นอีก ก็ควรทำนะ..อ่ะ...ถึงใหนแล้ว มัวแต่โม้

เรื่องเคล็ดลับรสมือ... เมื่อเครื่องลงไปอยู่ในหม้อกันหมดแล้วเสร็จสรรพ ก้อต้องปรุงรสกัน

หั่นซอยหัวปลี


น้ำตาล น้ำปลา เป็นพระเอกในหม้อ  แล้วหล่ะ คราวนี้..   .ใครชอบรสแบบไหน จะหนักเบาไปทาง  หวาน เปรี๊ยว เค็ม เผ็ด  ก้อขอเชิญคุณโยม ตามสบายเลยนะครับ เอาตามชอบ  แล้วแต่ศรัทธาของท่าน ฮ่าๆๆๆเมื่อได้เครื่องเต็มหม้อพร้อมปรุงรสเรียบร้อย ใส่หมูรวนลงไปให้มีเนื้อสัตว์บ้าง 



ใส่หัวปลีหลังหั่นทันที


 จะได้มีโปรตีนเสริมในเมนู ครบหลัก อาหาร 5 หมู่ซะหน่อย.. หลังจากนี้ พระเอกของเรา ที่โหมโรงมานานแล้ว  หัวปลีครึ่งซีกไงล่ะ มาๆ   ออกโรงซะที   หั่นหัวปลีใส่กันสดๆๆเลยนะ หั่นตามขวาง ค่อยๆๆหั่นไปใส่ไปพร้อม  คนให้จมลงในน้ำกะทิด้วย  ไม่เช่นนั้น หัวปลีที่หั่นถ้าไม่คนเลย   มันจะมีสีคล้ำไม่น่ากิน คนทำกับข้าวเป็นจะรู้ เรื่องนี้ดี




เสร็จแล้วเป็นอาหารอร่อย



เมื่อเราหั่นหัวปลีทั้งครึ่งซีกจนหมดแล้ว  ก้อพร้อมเสริฟทันที  กินกันสดๆๆอร่อยเหาะกันไปเลย 


วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำยำหัวปลี ตอน..1

ปกติแล้ว  หัวปลี  ชาวบ้านมักจะนำไปลวกหรือต้มจิ้มน้ำพริกหรือโดยทั่วไปที่เห็นๆกัน  ตามร้านอาหารตามสั่งและ   มักจะมีไว้สำหรับกินแกล้มกับผัดไทย....แต่วันนี้เรามีเมนูเด็ดๆ แปลกใหม่จะมานำเสนอให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง ขอบอกว่าอร่อยมาก เป็นอาหารพื้นบ้านทางแถบชายฝั่งตะวันออก เช่นเดียวกับแกงส้มสับปะรดนั่นหละ  แต่วันนี้ถึงคิวของหัวปลี หรือชาวบ้านแถบภาคพื้นภูธรตะวันออก  มักจะเรียกกันอย่างติดปากว่า ดอกกล้วย นั่นเอง ไม่ต้องร่ายยาวกันแล้ว อยากกินๆ เปรี๊ยวปากมาหลายเพลา อยากกินยำหัวปลีนี้มากมาย

ดอกกล้วยหรือหัวปลี


มาเริ่มตระเตรียมส่วนผสมกันดีกว่า

ส่วนประกอบของยำหัวปลีก้อมีหลายอย่าง คราวนี้เยอะหน่อย เต็มเครื่อง....


1.แน่ล่ะ....ก็ต้องหัวปลีสิ   จัดมาสักครึ่่งนึงผ่าซีกหัวปลีออกมา ทำทั้งหัวไม่ใหวกินไม่หมด ครึ่งซีกกินได้ประมาณ 3-6 คนเชียวนะ    แต่ถ้าบ้านใหนมีสมาชิกเกินสิบคน  แล้วกินหัวปลีเป็นทุกคน  เราก็จัดไปทั้งดอกเลย ...อิอิ  แต่ว่าถ้าบ้านใหนอยู่ด้วยกันไม่เกิน 3 คน  จะผ่าแบ่งเป็น สี่ส่วนแล้วทำส่วนเดียวก็ได้ ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องลดขนาดส่วนผสมกันเอาเองนะ  อันนี้จัดสำหรับหัวปลี ครึ่งซีก หรือครึ่งดอก สำหรับ 3-6 ท่านนะ


หัวปลีผ่าซีก


2.กะทิเอาแบบเป็นกล่องหรือว่าเป็นแบบคั้น ก็แล้วแต่ท่านตามสะดวกนะครับคุณโยม..


ส้มมะขาม


3.ถั่วลิสงคั่วสุกแล้ว

4.น้ำตาล น้ำปลา สำหรับปรุงรส

5.พริกแห้ง หอม  กระเทียม  กะปิ   แนะนำว่า กะปิแม่กลอง อร่อยสุด หอม นัว

6.น้ำส้มมะขาม

7.หมูรวนสุกแล้ว


มาเริ่มกรรมวิธีทำกันเลย  งวดนี้หลายขนานหน่อยเพราะว่าเครื่องเต็ม ของอร่อยต้องเครื่องเต็ม อิอิ

ตำพริกแกง


 อย่างแรก ต้องตำเครื่องยำหัวปลี กันก่อนโดยเอาพริกแห้ง หอม กระเทีียม กะปิ ใส่ครก โขลกให้ละเอียดโดย


ตำถั่ว

ค่อยๆ ตำทีละอย่างก้อได้   แล้วแต่สะดวกแบบใหน  เมื่อละเอียดหมดแล้ว ตำถั่วคั่วที่เตรียมไว้  ให้
ละเอียดอีกเช่นเดียวกัน หรือใครชอบถั่วกรุบๆๆ ไม่ละเอียดมาก  ก้อตำเม็ดถั่วแค่แตกก้อแล้วกัน...แต่การตำคั่วนี้  ถั่วจะตำง่ายกว่า้ชุดเครื่องแกงเยอะเลย.................




ยังไม่เสร๊จ....ต่อตอนหน้านะคับ

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำต้มกะทิฟักทอง


วันนี้เรามาทำอาหารที่มีรสชาติหวานๆๆทานกันบ้าง สลับกับอาหารคาวๆ นะคับ ต้มกะทิฟักทอง 

ฟักทองเป็นพืชที่ขึ้นง่าย ปลูกง่ายหาได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย  สามารถทำเป็นอาหารได้ทั้งหวานและคาว ผลแข็งเมื่อตอนดิบ  แต่ถ้าประกอบเป็นอาหารเมื่อไร เนื้อจะนุ่ม สีสันชวนให้น่ารับประทานจริงๆ  เหมาะแก่การหลอกล่อให้เด็กที่ไม่กินผัก ได้ลองหัดทานดู เนื่องจากสีสันสะดุดตา ...


ขอบคุณภาพจาก     www.weloveshopping.com
ฟักทองจัดว่า เป็นพืชที่มีกากใยสูง อุดมไปด้วยวิตามินเอ และช่วยบำรุงสายตา และมีกรดโปรไพโอนิคที่ช่วยยับยั้ง เซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ เนื้อยังมีแคโรทีนและแป้งด้วย 


ฟักทองหั่น



ส่วนประกอบในการทำไม่มากมาย  เราหาเอาได้อย่างง่ายๆ ในตลาดสดทั่วๆไป และตามซุปเปอร์มาร์เก๊ตทั่วไป



1.ฟักทองสิ เป็นพระเอกของตอนนี้ ซื้อมาสัก1 ชิ้นเอาแค่พอกินก้อพอนะ

2.กะทิ แน่อยู่แล้วเพราะชื่อตอนต้มกะทิก้อต้องมีกะทิ เป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

3.น้ำตาลทราย 

4.เกลือ สักนิดหน่อยเอาไว้ปรุงรส


ใส่กะทิต้มฟักทอง


เริ่มบรรเลงกันเลยดีกว่า

เอาฟักทองที่หั่นเป็นชิ้นเรียบร้อย ใส่หม้อใส่น้ำกะทิลงไป ตั้งไฟให้กะทิเดือด เติมน้ำตาลและเกลือ ปรุงให้ได้รสตามชอบ......เสร็จแล้ว .....งงละสิ...ง่ายมั๊ยล่ะ ใครๆๆก้อทำได้  เมนูนี้ทำง่ายกินง่าย อร่อย  มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ประหยัด ....คอนเฟริ์มมมมม...


ปล.ลืมบอกไปนิดเกลือกับน้ำตาลเวลาใส่ อย่าหนักมือไปนัก ใส่ เบาๆๆที่ละนิดไม่งั้นกินไม่ได้แน่ รสชาติโดดสูงปริ๊ดดดด  กันเลยทีเดียว





วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำถั่วฝักยาวผัดไข่...

ถั่วๆๆๆๆๆ....ใครได้กินถั่วแล้วสุขภาพดี  ถั่วฝักยาวมีประโยชน์มากมายใครได้กินแล้ว จะแข็งแรง เพราะมีวิตามินเอ ไทอามีน  ไรโบฟลาวิน เหล็ก ฟอสฟอรัส โปรตัสเซียม และอื่นๆๆอีกมากมาย สรรหาคำบรรยายได้อีกเยอะเลย  หากใครไม่ชอบกินก้อบอกได้อย่างเดียวว่า....ช่างน่าเสียดายซะจิงๆ เลย


ดอกถั่วฝักยาว....ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย


ส่วนประกอบไม่มากมายอย่างง่ายๆๆ

1.ถั่วฝักยาว สัก2 กำ
2.ใข่ไก่ 1-2 ฟอง
3.กะเทียมทุบ 2-3กลีบ


ผัดจนถั่วสุก


4. น้ำมันพืช ยี่ห้อใหนก็ได้
5.ซอสปรุงรสและซอสหอยนางรม
6.เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ตามชอบ

วิธีการอย่างสุดแสนจะง่าย  เริ่มๆๆๆ

ใส่ไข่ไก่ลงไป


อย่างแรก เราต้องหั่นถั่วฝักยาวให้ได้เป็นชิ้นๆพอดีคำ  ใส่จานไว้ ตั้งกะทะให้ไฟร้อน ใส่น้ำมันพืช เจียวกระเทียมที่เตรียมไว้พอหอม ใส่เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ ผัดจนสุก ใส่ถัวฝักยาวลงไป


พร้อมรับประทาน

 ผัดจนหอมใส่ใข่ไก่ 1 ฟองลงไปใครชอบใข่เยอะก็สองฟอง  เหยาะซอสหอยนางรม และซอสปรุงรสตามรสชาติที่ท่านชื่นชอบ...เมื่อเสร็จแล้วตักใส่จานได้ทานได้ทันที  กินกับข้าสวยร้อนๆๆ อร่อยอย่าบอกเพื่อนเลยทีเดียว..


วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำแกงคั่วเผ็ดกล้วยน้ำว้า

กล้วยๆๆ เรื่องกล้วยๆๆ บ้านใหนๆๆที่มีกล้วยน้ำว้า ไม่จำเป็นต้องรอกินสุก หรือ รอบวดกล้วยอีกต่อไปเพราะเราสามารถกินดิบๆๆได้ ไม่ได้หมายความว่ากินดิบๆ เดี๊ยวนั้นเลยนะ ความหมายคือ กินกล้วยดิบที่ผ่านกรรมวิธีทำให้สุกแล้วตะหาก เนื่องจากบ้านชาวบ้านส่วนใหญ่ที่มักจะมีเรือกสวน  ไร่นา  ก้อมักจะปลูกกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ไว้ตามหัวไร่ปลานา แล้วกว่ามันจะสุก เอามาบ่มรอกินสุก ก้อให้รออยู่หลายเพลา  อย่ากระนั้นเลย เรามาดูการกินกล้วยตอนที่มันแก่แต่ยังไม่สุก หรือยังไม่ห่ามกันเลยดีกว่า

กล้วยน้ำว้าดิบ

  วัตถุดิบเอาอย่างง่ายเลย

1. กล้วยน้ำว้าแก่ ดิบ เปลือกเขียว 10 ผล
2.หมูเนื้อแดง หรือ เนื้อสัตว์อื่นๆๆที่ท่านปรารถนาจะรับประทาน สัก1 ถ้วย หั่นเป็นชิ้นพอคำ

คั่วพริกแกงเผ็ด

3.เครื่องแกง หรือพริกแกงเผ็ด 1 ช้อนแกง
4.ผักกาดขาว หรือผักอะไรก้อได้ที่สามารถกินเป็นเครื่องเคียง


เริ่มกระบวนการ


ผัดกล้วยดิบ


เริ่มต้นด้วยการปอกกล้วยดิบ แล้วหั่นให้เป็นชิ้นๆ พอดีคำ  ใส่กะละมังแช่น้ำไว้ เดี๋ยวกล้วยจะดำไม่สวย เตรียมตั้งไฟ ใส่เครื่องแกงลงในกะทะ  ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยพอขลุกขลิก ผัดเครื่องแกงให้ได้กลิ่นหอม ใส่หมูหรือเนื้อสัตว์ลงไป ผัดให้สุก  จากนั้น ใส่กล้วยดิบที่หั่นเตรียมไว้ ลงไป  คนให้เข้ากันกับเครื่องแกง ผัดจนกล้วยสุก ทดสอบง่ายๆๆเอ้าช้อนส้อมจิ้มมา 1 ชิ้นลองชิมดู เนื้อกล้วยจะนิ่มออกกรุบๆกรับ เป็นอันใช้ได้ หรือหากอยากได้นิ่มกว่านั้นก้อผัดต่อไป

แกงคั่วเผ็ดกล้วยน้ำว้า


เมื่อสุกแล้วตักใส่จานพร้อมเสริฟ  กินกับเครื่่่่่องเคียงที่เตรียมไว้ ข้าวสวยร้อนๆๆ อร่อยอย่าบอกใคร

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำไข่นึ่งทรงเครื่อง...

เมนูอาหารอร่อยๆๆ วันนี้ เรายังต้องเอาใจคน อยู่ในเมืองเหมือนเดิม  เมนูง่ายๆๆ ทำสบายๆๆ ประหยัด

วัตถุดิบมีอยู่แล้วอยู่ในครัว ทุกครัวของคนไทย อย่างแน่นอน  รื้อๆๆ ค้นๆๆ  ก้นตู้เหมือนเดิม   ไข่ นั่นเอง

หาง่ายและ แน่ใจว่าทุกบ้านต้องมีติดไว้ อย่างแน่นอน  เอาละมาจัดการอาหารมื้อง่ายๆๆอย่างไว กันเลย

ดีกว่า...


ภาพจากwww.oknation.net
                                                   
1.ไข่ไก่สัก 4 ฟอง

2.หอมแดงซอยสัก 1ถ้วยน้ำจิ้ม

3.โคโคนัทมิ้ล..หรือ กะทินั่นเอง

4. ผักชี

5. ซอสปรุงรส


 ส่วนประกอบ อื่นๆๆ ถ้าท่านอยากจะใส่เพิ่ม เช่นขิงซอย  หรือผักเครื่องเคียงอื่นๆ  ใส่ได้ถ้าชอบ แต่ตอนนี้เน้นแบบง่ายๆๆ กินได้ภายใน 5 นาที


ใส่ผักชีด้วย
มาเริ่มกระบวนการเลยดีกว่า

อย่างแรกเลย ตีใข่ ใส่ซอสปรุงรส นิดน่อย  ใส่หอมซอยลงไป  ใส่น้ำกะทิอีกหน่อยเพิ่มความหอมนวล  แต่อย่าใส่เยอะมาก เอาแต่พอดี ไข่จะได้เละไม่เป็นตัว...ไม่อร่อย  ส่วนผสมทั้งหมด เมื่อใส่ลงไปหมดแล้ว  ให้คนๆๆให้เข้ากันดี แล้วตั้งไฟใส่หม้อนึ่ง ถ้าบ้านใหนไม่มีหม้อนึ่งแบบลังถึง ให้ใช้หม้อธรรมดาต้มน้ำ หรือถ้ามีแต่หม้อหุงข้าวไฟฟ้าก้อให้ใช้ได้ โดยหม้อหุงข้าวต้องเอาถ้วยชามที่เป็นกระเบื้อง ใส่ไข่กวนแล้วตั้งไฟต้ม โดยให้ถ้วยกระเบื้องลอยบนน้ำ แทนแก้ขัดได้  ...

ไข่นึ่งอย่างง่าย
 เมื่อใส่ไข่กวนลงในหม้อนึ่ง  ตั้งไฟจนร้อนน้ำเดือด แล้ว ไข่จะนวลสวย น่ากินขึ้นมาเลยที่เดียว ทำสำหรับเด็กที่กินอาหารยากๆๆจะดีมากเลยเมนูนี้  น้ำกะทิช่วยลดกลิ่นคาวของใข่ได้เป็นอย่างดี สีสวยขึ้นด้วย ชวนให้เด็กๆๆที่กินข้าวยาก อยากกินข้าวขึ้นมาเชียวหล่ะ..


เคล็ดลับ...... ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นแรงๆๆของ ผักชี อาจเปลี่ยนเป็นใส่อย่างอื่น หรือไม่ใส่ก้อได้ ตามชอบ

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำผัดบะหมี่ไวไวใส่กุ้งผักบุ้งหมู...

ช่วงนี้ต้องเอาใจคนเมืองที่หาเวลาไปจ่ายกับข้าวที่ตลาดยากกันหน่อย ยิ่งหน้าฝน ฝนก้อตกหนักเดินทางยิ่งลำบากๆๆด้วยแล้ว การเดินทางไปจ่ายตลาด ก้อยิ่งยากเข้าไปใหญ่ วันนี้เลย มาบริหารครัว ด้วยการคุ้ยๆๆ   ก้นตู้ว่ามีอะไรเก็บเป็นเสบียงเวลาตกยากอยู่บ้าง     และที่ทุกบ้านน่าจะมีติดครัวไว้สำหรับมื้อฉุกเฉินนั่นคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป   อาหารกึ่งสำเร็จรูปใช่ว่าจะมารังสรรค์ให้หรูเริ่ดไม่ได้    มาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรกันบ้าง

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป


1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อที่ท่านชอบ สัก2-3 ซอง
2.กระเทียมทุบสัก 4-5 กลีบ (ถ้าไม่ชอบก้อไม่ต้องใส่)
3.ผักบุ้ง  กุ้ง   หมู ใส่ทั้งหมด หรือแล้วแต่ท่านจะชอบ ตามสะดวกเลย

ผักบุ้ง


เริ่มกระบวนการทำลายความหิวกันเถอะ

ผัดเลยไม่ต้องลวกเส้น


อย่างแรกเลย เจียวกระเทียมทุบ ที่เตรียมไว้ ถ้าไม่ชอบกระเทียมก้อ   ใส่ผักบุ้งลงกะทะ เลย  สักพักพอผักบุ้งเริ่มสุก ใส่บะหมี่ลงไป  โดยไม่ต้องลวกน้ำ ใส่ทั้งก้อนแห้งๆๆจากซองเลย ใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย พอให้ขลุกขลิก ผัดง่ายขึ้น ใส่เครื่องปรุงของบะหมี่ตามไปด้วย....ใส่กุ้ง หมูหรือเนื้อสัตว์ตามชอบ  ผัดจนกุ้งหมู สุก   ตักใส่จาน หอม อร่อย พร้อมเสริฟ ถึงท้องที่ว่างๆๆ   รอรับประทาน

อร่อยนัว

 เป็นไงบ้างเมนูอร่อยอย่างง่าย  ทำสบายๆๆ ไม่เกินห้านาที ก้อเสร็จ อิ่มอร่อยได้ ไม่ต้องยุ่งยาก...



วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำต้มกระดูกอ่อนหมู

ต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู...

ขอย้ำนะครับว่าต้มกระดูกอ่อนหมู เพราะยังไม่ได้ลองทำ ต้มกระดูกอ่อนไก่... กุ้ง หรือหมึก แต่อย่างใด..

เมนูนี้ทำง่ายๆๆ  ง๊ายๆๆง่าย..ต้องย้ำอีกทีว่าง่ายจริงๆๆ

ส่วนประกอบ  อย่างง่ายเลย

1. เนื้อหมูตรงส่วนติดกระดูกอ่อน...หาได้ง่ายที่ตลาดบอกแม่ค้า เอากระดูกอ่อนหมู1 ขีด 2 ขีด ก็บอกว่าซื้อไป ตามปริมาณของคนกิน...หมูที่ว่าจะเอา แบบสับแล้วหรือว่าเป็นชิ้นก้อได้ แล้วเอามาสับเอง แต่ถ้าซื้อเป็นชิ้นได้จะดีกว่าเพราะแม่ต้าบางท่านชอบสับค้างคืนไม่สด...อันนี้ดูเป็นดุลยพินิจเป็นรายๆๆไป  ถ้าแม่ค้าเจ้าประจำ ก้อไว้ใจได้นะ...

หมูชิ้น


2.ผักชี ....ตัดรากแยกไว้ด้วย เอาไว้ใส่ตอนน้ำเดือด หลายรากได้ไม่ใช่ปัญหาเพราะยาสมุนไพรทั้งนั้น


รากผักชี


3.น้ำปลา  หรือซอสปรุงรส ยี่ห้อที่ท่านถูกใจ

4. พริกขี้หนูสด สัก 4-6 เม็ด ตามชอบ  ทุบให้แตกซะหน่อยก้อดี แต่ถ้าไม่ชอบก้อไม่ต้องทุบก็ได้ เอาตามสะดวก

5.น้ำเปล่า ... จริงๆๆนะ แล้วมันต้องใช้ ..จำเป็นด้วย...55

ผักชี


เิ่ริ่มปรุง  ....ติดไฟ ใส่น้ำ ลงไป ใส่รากผักชีลงไป ตั้งน้ำให้เดือด  ตามด้วย น้ำปลา ซอสปรุงเอาไว้ที่หลังก้อได้ ปรุงพอได้รสชาติตามชอบ  พอน้ำเดือดอีกรอบ กลิ่นน้ำซุปปรุงที่เราทำจะส่งกลิ่นหอมยั่วยวนขึ้นมาทันที...ตอนนี้แหละ ใส่กระดูกหมูอ่อนลงไป  รอจนหมูสุก ปิดแก๊ส  ใส่พริก  ใส่ผักชีลงไป แล้วตักใส่ในจานพร้อมเสริฟ....กินร้อนๆๆตอนป่วยๆๆ เป็นไข้หวัด ดีนักแล...

ต้มกระดูกหมู

เห็นมั๊ยทำง่ายนิดเดียว...ลองทำเลย..อย่าเดี๋ยว...เดี๋ยวมันจะไม่ได้กิน..